ประวัติ คาเซมิโร่ ตำแหน่ง กองกลาง ทีมเรอัล มาดริด ฉายา ราชันชุดขาว

ประวัติ คาเซมิโร่ ตำแหน่ง กองกลาง ทีมเรอัล มาดริด ฉายา ราชันชุดขาว ชื่อเต็มCarlos Henrique Casemiro ชื่อภาษาอังกฤษCasemiro. ประวัติข้อมูล วันเกิด23 กุมภาพันธ์ 1992 อายุ28 ปี สัญชาติบราซิล สวมเสื้อเบอร์14 ส่วนสูง1.85 เท้าถนัดขวา ค่าตัวล่าสุด72 ล้านปอนด์ สโมสรเดิมเอฟซี ปอร์โต้ ปัจจุบันเล่นทีมชาติบราซิล
Hala Madrid” เสียงตะโกนของสาวกมาริดิสตร้าดังกระหึ่มสังเวียนแข้ง ”ซาน ซีโร” เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความยินดีปรีดาของคอลูกหนังผู้คลั่งในลัทธิชุดขาวทั่วโลก หลัง เรอัล มาดริด ประกาศศักดาความเป็นเต้ยตัวจริงของยุโรปซิวถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยที่ 11 มาครอง สล็อตออนไลน์
โลส บลังโกส ต้องสู้กับ แอตเลติโก้ มาดริด คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศจนถึงฎีกา ก่อนเป็นฝ่ายคว้าชัยในการดวลจุดโทษแบบหวุดหวิดหลังเสมอกัน 1-1 ในช่วง 120 นาที ย้ำแค้นคู่ปรับร่วมเมืองเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี หลังเคยหักอกทีมตราหมีมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2014
แฟนบอลมากมายต่างพูดถึงผลงานอันสุดยอดของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวด้วยผลงาน 16 ประตู, เซร์คิโอ รามอส ที่ทำสถิติเป็นกองหลังคนแรกที่ทำประตูในเกมรอบชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง และ ลูก้า โมดริช ที่คอยบัญชาเกมแดนกลางได้อย่างเนียนตา แต่ราชันชุดขาวจะไม่มีทางมาถึงจุดนี้เลยหากปราศจากนักเตะผู้ปิดทองหลังพระอย่าง ”คาเซมิโร” สูตรบาคาร่า
มิดฟิลด์ชาวแซมบ้าเริ่มต้นชีวิตค้าแข้งในถิ่น”ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว”แบบคนชั้นสองและติดลบกว่า ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมชาติไทยสมัยอยู่กับอัลเมเรียเสียอีก เพราะเขาตัดสินใจย้ายมาเล่นกับทีมสำรองของมาดริดก่อนด้วยสัญญายืมตัวในปี 2013
“ผมจะเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเรอัล มาดริด” นักเตะอธิบายเหตุผลปัดข้อเสนอทีมดังอย่าง โรมา และ ลาซิโอ บาคาร่า
คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจอันแน่วแน่ของแข้งรายนี้เป็นอย่างดี เขาฝ่าฟันอุปสรรคทุกรูปแบบจนในที่สุดได้รับการเซ็นสัญญาถาวรจากราชันชุดขาวในปีเดียว ก่อนไต่เต้าสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรได้สำเร็จในฤดูกาลต่อมา พร้อมได้รับโอกาสลงสนามถึง 25 นัด
อย่างไรก็ดี เขาเกือบหมดอนาคตกับสโมสรในปีต่อมา หลังถูกปล่อยให้ เอฟซี ปอร์โต้ ยืมตัวไปใช้งาน 1 ปี พร้อมพ่วงอ็อปชันซื้อขาดในราคา 15 ล้านยูโร แต่แล้วมาดริดกลับเปลี่ยนใจยอมควักเงิน 7.5 ล้านยูโร ดึงห้องเครื่องวัย 24 กะรัต กลับคืนสู่ทีมอีกครั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งนี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร
กองกลางชาวบราซิลเลียนได้รับโอกาสลงเล่นบ่อยครั้งในยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซ แต่เขากลับเค้นศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ เพราะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่ต้องรับบทบาททั้งเกมรับและเกมรุก จนกระทั่งการเข้ามาของ ซีเนดีน ซีดาน ชายผู้ทำให้เขากลับมาแจ้งเกิดในทีมแบบเต็มตัว
เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสอ่านเกมขาดมองเห็นจุดบกพร่องตรงพื้นที่กลางสนาม เพราะมาดริดมักถูกคู่แข่งใช้เกมโต้กลับเร็วโจมตีในจังหวะที่มิดฟิลด์คู่กลางขึ้นเติมเกมรุกและลงไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงแก้ปัญหาด้วยการส่งคาเซมิโรลงมาคอยชะลอเกมคู่แข่งและปัดกวาดอยู่หน้าเซ็นเตอร์แบ็คโดยเฉพาะ
ผลปรากฎว่าการวางหมากของซิซูได้ผลดีเกินคาด มิดฟิลด์บราซิลเลียนช่วยสร้างสมดุลในทีมทำให้เกมรับของราชันชุดขาวแน่นขึ้น โทนี โครส กับ ลูก้า โมดริช สามารถเดินเกมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเกมรับ เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ รามอส กับ เปเป้ ที่เล่นด้วยความอุ่นใจมากขึ้นเพราะมีคนช่วยสกรีนก่อน
คาเซมิโรมีคุณสมบัติของการเป็นมิดฟิดล์ตัวรับที่ดีครบถ้วน เขามีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง, สุขุมเยือกเย็น, อ่านเกมเด็ดขาด และ ไม่เล่นโฉ่งฉ่าง การมีเขาในทีมทำให้จุดอ่อนเรื่องเกมรับของมาดริดหายไปในพริบตา เห็นได้จากสถิติเสียเพียง 9 ประตู จาก 17 เกมที่มีเขาในสนาม(นับเฉพาะในยุคของซีดาน)
ผลงานชิ้นโบว์แดงของกองกลางรายนี้คงหนีไม่พ้นเกม”เอล กลาซิโก้”เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาสกัดกั้นเกมรุกที่ว่ากันว่าอันตรายที่สุดในโลกของบาร์เซโลนาแบบอยู่หมัด แม้แต่ ลิโอเนล เมสซี ผู้เล่นเบอร์หนึ่งของโลก 5 สมัย ยังถูกจับตายจนแทบไม่ได้กระดิกตัว เขาคือเหตุผลสำคัญที่ราชันชุดขาวบุกล้างตาคู่อริตลอดกาลถึงถิ่นได้สำเร็จ
ในเกมวันนั้นมิดฟิลด์ชาวแซมบ้าเข้าสกัดบอล 8 ครั้ง, ตัดบอลมาครอง 3 ครั้ง, เคลียร์บอล 1 ครั้ง และ บล็อคลูกยิง 2 ครั้ง โดยสื่อดังแทบทุกสำนักต่างมอบตำแหน่ง”แมน ออฟ เดอะ แมทช์”ให้กับเขา
ความยอดเยี่ยมของเขายังเข้าตากุนซือฝ่ายตรงข้ามด้วย ถึงขนาด ดิเอโก้ ซิเมโอเน เทรนเนอร์แอต.มาดริด เอ่ยปากชื่นชมก่อนเกมชิงดำบอลยุโรปว่า “คาเซมิโรคือผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในแง่ความสมดุลของทีม เขาช่วยให้ผู้เล่นอื่นกลับมาจัดกระบวนทัพได้ดีขึ้นถ้าเกิดพลาดเสียบอลและยังคงประสิทธิภาพในเกมรุกเอาไว้”
คำพูดของ”เอล โชโล่”เป็นจริงทุกอย่างในเกมชิงถ้วยยูซีแอล คาเซมิโรสร้างสมดุลในแดนกลางและคอยเบรคเกมรุกของทีมตราหมีทุกรูปแบบ แม้แต่เกมโต้กลับเร็วอันเลื่องชื่อของแอตเลติโก้ยังทำอะไรไม่ได้เมื่อต้องเจอกับฮาร์ดแมนจากแดนกาแฟผู้นี้
มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลคือพระเอกตัวจริงของมาดริดในเกมนี้ หลังทำสถิติสกัดบอล 8 ครั้ง(72%), ตัดบอลมาครอง 3 ครั้ง และ เอาชนะลูกกลางอากาศทั้ง 6 ครั้ง(100%) แถมยังจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 91% พร้อมนำทีมเถลิงบัลลังก์จ้าวยุโรปอย่างยิ่งใหญ่
จากชีวิตค้าแข้งติดลบเริ่มต้นค้าแข้งในทีมสำรอง วันนี้เขากลายเป็นฮีโร่นำสโมสรคว้าแชมป์ยุโรป หัวจิตหัวใจของคาเซมิโรควรค่าแก่การกราบเหลือเกิน